‘ ลิโอเนล เมสซี ’ เป็นผู้ชายที่หลายคนยกให้เป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เมสซี ร้องไห้เสียน้ำตาในการแถลงข่าวลาออกจากสโมสร บาร์เซโลนา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2021 โดยบอกกับสื่อว่าไม่มีทางเลือกอื่น พร้อมกับเอ่ยปากว่า “ สโมสรเองก็ไม่ต้องการเป็นหนี้เพิ่ม ”
การแถลงข่าวนี้ทำให้แฟนคลับของบาร์เซโลนามองหาต้นตอของสาเหตุในหลายทิศทาง ‘แพะตัวใหญ่ที่สุด’ คือผู้บริหารของสโมสรที่ถูกกล่าวหาว่า ‘บริหารจัดการผิดพลาด’
หนึ่งในตัวเลขที่น่าตกใจคือ สโมสรที่แฟนคลับเป็นเจ้าของอย่างบาร์เซโลนานั้นมีรายจ่ายค่านักเตะสูงมาก รายจ่ายเหล่านี้ไม่มีการจัดการ จนทำให้สโมสรไม่มีกำไรเหลือ แถมยังขาดทุนต่อเนื่อง มีการเทียบค่าเฉลี่ยพบว่า ในทุก 1 ยูโรที่ได้รับมา (ราว 39 บาท) สโมสรจะต้องจ่ายเงิน 1.10 ยูโร เป็นเงินเดือนผู้เล่นเพียงอย่างเดียว (ราว 43 บาท)
เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับมาก แปลว่าสโมสรจะมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีกหากต้องเซ็นสัญญาและมอบแพ็กเกจค่าเหนื่อยให้ นักเตะชื่อดัง โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่าหนี้ทั้งหมดของสโมสรได้ทะลุหลัก 1 พันล้านยูโร (38,930 ล้านบาท) แล้ว
ตัวเลขที่ บาร์เซโลนา เปิดเผยสะท้อนชัดเจนว่าการบริหารงานของสโมสรนั้นทำได้ย่ำแย่มาก ซึ่งฉายา ‘เจ้าบุญทุ่ม’ มีที่มาจากการที่ บาร์ซา ใช้เงินเป็นแรงจูงใจและให้ผลตอบแทนทางการเงินอย่างฟุ่มเฟือยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เพราะสำหรับ บาร์เซโลนา การเซ็นสัญญานักเตะระดับดาวเด่นคนใหม่คือความพยายามที่จะรักษาจุดยืนของสโมสรให้เป็นที่หนึ่ง ซึ่ง บาร์ซา ไม่เพียงต้องแข่งขันกับคู่ปรับในชาติอย่าง ‘เรอัล มาดริด’ เท่านั้น แต่ยังต้องชิงความยิ่งใหญ่กับสโมสรฟุตบอลอังกฤษซึ่งทำเงินจากการออกอากาศแมตช์การแข่งขันมากขึ้นทุกปี
วิกฤติของ บาร์เซโลน่า
วิกฤติของ บาร์ซา อาจมาจากกระบวนการซื้อนักเตะที่ ‘ยุ่งเหยิงผิดปกติ’ โดยปราศจากความรอบคอบในการเจรจา ทั้งในเรื่องของการจ่ายเงินค่าตัวนักฟุตบอลที่สูงเกินกว่าที่ควรจะปิด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าเหนื่อยของนักฟุตบอล
หนึ่งในต้นตอของหนี้สินเหล่านี้คือการลงทุนที่บานปลาย เพราะบาร์ซาก็เป็นเช่นเดียวกับหลายธุรกิจที่มองว่าหนี้สินเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตบริษัท บนความเชื่อว่า การกู้เพื่อให้มีเงินสดมากขึ้นในการลงทุน จะทำให้ธุรกิจใหญ่ขึ้นและมีกำไรมากขึ้นในอนาคต ซึ่งหากการเติบโตไม่เป็นไปตามคาด หนี้นั้นก็จะย่อมพอกพูนขึ้น
หนี้ก้อนโตของ บาร์เซโลนา วันนี้ถูกคำนวณว่าเพิ่มขึ้นสุดขีด หนี้องค์กรซึ่งคิดจากเปอร์เซ็นต์ของ GDP โลกเพิ่มขึ้นจาก 93% ในปีที่แล้วมาเป็น 102% ในปีนี้ ทั้งที่ในปี 2008 ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ที่ 78%
การระบาดใหญ่ของโควิด รวมถึงความผิดพลาดอื่นในจัดการสโมสร ล้วนทำให้ บาร์ซา ไม่มีรายได้มากเท่าที่ควร บาร์เซโลนาอาจเป็นสโมสรที่มีแฟนคลับเป็นเจ้าของ แต่ในโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ที่มีทุนมีอิทธิพลสูง ฟุตบอลจึงเป็นเพียงสินค้าโภคภัณฑ์อีกอย่างหนึ่งในตลาดโลก แม้แต่เมสซีก็มีราคาเหมือนสินค้าทั่วไป การล้มละลายในอุตสาหกรรมฟุตบอลจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
ช่วงมกราคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์สเปนตีแผ่ว่าบาร์เซโลนาใกล้จะล้มละลายแล้ว ตัวเลขรายงานขาดทุนในปี 2020 คือ 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,880 ล้านบาท) และไม่สามารถจ่ายเงินให้นักเตะได้ ท่ามกลางหนี้ที่มีอยู่แล้วเกิน 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต้องชำระหนี้จำนวน 322 ล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารภายในสิ้นเดือนมิถุนายน
แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโควิด บาร์ซายอมรับในช่วงนั้นว่าอาจจะทำกำไรได้เล็กน้อยประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อกำหนดการชำระหนี้มูลค่า 562 ล้านดอลลาร์ในระยะสั้น รวมถึง 237 ล้านดอลลาร์ที่บาร์ซาเป็นหนี้ทีมอื่นอยู่สำหรับการโอนย้ายนักเตะครั้งล่าสุด
บาร์เซโลนา ยังมีหนี้สินผูกพันจากครั้งเซ็นสัญญากับ ‘ฟิลิปป์ คูตินโญ’ จากลิเวอร์พูลในปี 2018 ที่ปัจจุบันต้องชำระกับเจ้าหนี้รายใหม่ เนื่องจากลิเวอร์พูลได้จำหน่ายหนี้ออกไปแล้ว และยังมีกำหนดชำระเงินอีกหลายรายการ แม้ว่าผู้เล่นบางส่วนจะย้ายไปทีมใหม่แล้วก็ตาม
ในภาพรวม สถานการณ์ทางการเงินของบาร์เซโลนาย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญจากการระบาดของไวรัสโควิดทั่วโลก โดยสโมสรรายงานรายได้ต่อปีลดลง 14% เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยรายรับลดลงเหลือ 1,030 ล้านดอลลาร์ จาก 1,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ซึ่งต่ำกว่า 1,260 ล้านดอลลาร์ที่ก่อนเกิดโรคระบาด
รายงานระบุว่า ประมาณ 74% ของรายได้ บาร์ซา นั้นถูกใช้ไปกับเงินเดือนของนักเตะ เพิ่มขึ้นจาก 68% ในปี 2019 อย่างไรก็ตาม การที่สโมสรไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้กับนักเตะที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าในเดือนมกราคม จะทำให้บาร์ซาต้องเสียค่าปรับเพิ่มด้วย
ไม่ใช่ว่าไม่มีใครช่วย บาร์ซา เลย เมื่อปลายปีที่แล้วนักเตะของสโมสรตกลงที่จะลดค่าจ้างเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของสโมสรในช่วงการระบาดใหญ่ คาดว่าการลดค่าจ้างดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 147 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,867 ล้านบาท
คนที่ควบคุมนโยบายการบริหารจัดการของ บาร์เซโลนา ระหว่างปี 2014-2020 คือ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว จากผู้บริหารบริษัทครอบครัวที่ทำธุรกิจเจ็ตบริดจ์สำหรับรับ-ส่งผู้โดยสารจากเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสาร ในเดือนกรกฎาคม 2015 สมาชิกสโมสรเลือกบาร์โตเมวเป็นประธาน บาร์ซา แม้ว่าจะถูกวิจารณ์ว่าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องฟุตบอลหรือธุรกิจฟุตบอลเพียงเล็กน้อย
บาร์โตเมวเป็นอดีตประธานของสโมสรที่ลาออกในเดือนตุลาคม 2020 ถูกยกเป็นบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการที่ผิดพลาด และ บาร์เซโลนา จำเป็นต้องดำเนินการทันทีเพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ล่าสุดอดีตประธานบาร์เซโลนา พร้อมด้วย เฆาเม มาสเฟร์เรร์ ที่ปรึกษา, ออสการ์ เกรา ซีอีโอ และ โรมัน โกเมซ ปอนติ หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย ถูกดำเนินคดี ฐานร่วมกันว่าจ้างบริษัทอื่นเพื่อป้ายสีนักเตะในสโมสรบนโลกโซเชียล
คดีความนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่พบการทุจริตด้านการเงิน และไม่มีการจ่ายค่าบริการแพงเกินเหตุของสโมสร จุดที่สามารถอนุมานได้ถึงภาวะใกล้ล้มละลายของบาร์ซาจึงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือรายรับที่น้อยกว่ารายจ่าย
ส่วนนี้เห็นได้จากเมื่อครั้งที่ บาร์เซโลนา สูญเสียนักเตะดังอย่าง เนย์มาร์ ไปด้วยค่าตัวทำลายสถิติโลก 220 ล้านยูโร รายงานระบุว่า บาร์ซา ไม่ได้รับเงิน 220 ล้านยูโรไปใช้จ่ายลงทุนกับทีมอย่างเดียว เพราะยังมีภาษี ค่าธรรมเนียมตัวแทน และการชำระเงินเป็นงวด แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น บาร์โตเมวก็ถือเป็นผู้ที่ต้องตอบคำถามว่า ทำไมจึงเดินแผนทางการเงินที่ขาดความรับผิดชอบตลอดเวลาที่รับตำแหน่งประธานสโมสร
สถานการณ์ของ บาร์เซโลนา ในขณะนี้คือ แม้จะมีการปล่อย นักเตะ จำนวนมากออกไปก่อนหน้านี้ สโมสรยังคงมีทรัพย์สินล้ำค่ามากมายในรูปของนักเตะ เช่น อองตวน กรีซมันน์ และ อุสมาน เดมเบเล ซึ่งแต่ละคนน่าจะนำเงินมาให้บาร์ซาได้มากกว่า 120 ล้านดอลลาร์
เพียงแต่ปัญหาคือด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่ดี ค่าเหนื่อยที่สูง และสถานการณ์ในวงการฟุตบอลเวลานี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนนักฟุตบอลเหล่านี้ให้เป็นเงินกลับเข้าสโมสร
กรณีของ ลิโอเนล เมสซี บาร์ซา จะต้องจ่ายเงินให้ย้อนหลังจนถึงปี 2025 แม้ว่าเมสซีจะออกจากสโมสรไปแล้ว เพราะ บาร์ซา ยังเป็นหนี้โบนัสค้างชำระจำนวน 48 ล้านดอลลาร์ ที่สำคัญ การจากไปของเมสซีอาจทำให้บาร์เซโลนามีมูลค่าแบรนด์ลดลงอีกกว่า 137 ล้านยูโรด้วย คิดเป็นสัดส่วนหดตัว 11% จากการประเมินมูลค่าแบรนด์ปี 2021 ที่ 1,266 ล้านยูโร
น้ำตา เมสซี ” ลิโอเนล เมสซี “
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ลิโอเนล เมสซี อ้างว่าทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้วเพื่อขออยู่ต่อกับบาร์ซา และตกลงที่จะลดเงินเดือนลง 50% อย่างไรก็ตาม สัญญาก่อนหน้านี้ของ เมสซี มีมูลค่าสูงถึง 555 ล้านยูโร (21,607 ล้านบาท) ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์นักเตะนี้ยังไม่นับรวมค่าต่อสัญญา 115 ล้านยูโร (4,477 ล้านบาท) และเงินโบนัสอีก 78 ล้านยูโร (3,036 ล้านบาท)
หลังจากทำเงินได้แบบนี้ เมสซีสามารถตกลงเล่นที่บาร์ซาแบบฟรี 1 ฤดูกาล เพื่อช่วยสโมสรให้ผ่านพ้นปัญหา โดยที่ยังคงเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกตลอดครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา
แต่แล้วก็มีลาลีกา ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขัน 2 รายการหลักในวงการฟุตบอลสเปน ในปี 2013 ลาลีกาได้กำหนดกฎเกณฑ์ทางการเงินใหม่สำหรับสโมสรที่ลงเล่นในฤดูกาล โดยกำหนดว่าสโมสรควรใช้เงินไม่เกิน 70% ของรายได้ เป็นเงินเดือนนักเตะ
จุดนี้ลาลีกาพบว่า ผลกระทบทางการเงินจากการระบาดใหญ่ ทำให้บาร์เซโลนาจำเป็นต้องลดเงินเดือนผู้เล่นลงอย่างมากเพื่อให้อยู่ในกฎที่ตั้งขึ้น อย่างน้อยต้องลดลงให้ได้ 47.1% จาก 656 ล้านยูโร (25,540 ล้านบาท) เป็น 347 ล้านยูโร (13,509 ล้านบาท)
บาร์เซโลนา ไม่อาจฝ่าฝืนกฎของลาลีกาได้ เพราะลงนามในกฎระเบียบเหล่านี้อย่างเต็มใจตั้งแต่ปี 2013 ร่วมกับอีก 19 สโมสรในลาลีกา ประเด็นนี้ต้องบอกว่าใครที่อยากให้บาร์ซาฉีกกฎของลาลีกาเพื่อให้เมสซีอยู่ต่อ ก็เหมือนกับการห้ามไม่ให้คุณหมอตัดเนื้อร้ายทิ้งไป
เพราะวิกฤตทางการเงินของบาร์เซโลนาจะไม่ได้รับการแก้ไข การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากขึ้นจะยังตามมา ท่ามกลางข้อสงสัยว่าทำไมกฎของลาลีกาไม่อาจแก้ปัญหาทางการเงินของบาร์ซาได้ตั้งแต่แรก?
ที่สุดแล้ว เชื่อกันว่าไม่มีมาตรการใดที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ของสโมสรใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา ได้ แถมยังมีโอกาสสูงที่ปัญหาจะยิ่งรุนแรงขึ้น อย่างน้อยก็ในระยะสั้น เนื่องจากบาร์ซาต้องการเงินจำนวนมากเพื่อชำระหนี้ก้อนโต เป็นกับดักที่ยากจะหลุดพ้น
การแก้ปัญหาหนี้อาจต้องพึ่งพาภาวะล้มละลาย เหมือนธุรกิจทั่วไป ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งองค์กรนั้นจะต้องบอกธนาคารซึ่งจะเข้าสู่ภาวะประนอมหนี้ วงจรแบบนี้แทบไม่มีใครหวังให้เกิดในโลกของฟุตบอล แต่ก็เป็นเรื่องที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้จากโศกนาฏกรรมรักระหว่าง เมสซี และ บาร์เซโลนา
สำหรับ เมสซี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของนักเตะชื่อดังรายนี้อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงการคาดการณ์จาก Forbes ที่ยกให้เมสซีเป็นนักกีฬาอันดับ 1 ในรายชื่อ 100 คนดังที่มีรายได้สูงสุดในปี 2019 โดยประเมินว่ารายได้ของเมสซีสำหรับปี 2021 อยู่ที่ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าโรนัลโดและเนย์มาร์
เมสซี ยังเป็นนักฟุตบอลที่ไม่สนใจไลฟ์สไตล์ฟุ่มเฟือยนอกสนาม ไม่เน้นสร้างแบรนด์ส่วนตัว รายได้หลักจากการเป็นพรีเซนเตอร์มาจากแบรนด์ Adidas ที่ต่อสู้กับ Nike ที่คว้าโรนัลโดเป็นแม่เหล็ก ยังมีแบรนด์อย่าง Pepsi, Gillette และ Turkish Airlines
เงินทองที่ทำได้ถูกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บริเวณบ้านเกิดของตัวเองที่โรซาริโอในอาร์เจนตินา และมีการนำเงินรายได้เข้าโครงการการกุศลผ่านองค์กรของตัวเอง นั่นคือมูลนิธิลีโอเมสซี ซึ่งเขาขอรับบริจาคแทนของขวัญแต่งงาน ในโอกาสที่ได้แต่งงานกับคู่ชีวิต ‘แอนโตเนลลา รอคกุซโซ’
วันนี้เมสซีมีเพจ Facebook และ Instagram ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ไม่ได้อยู่บน Twitter ซึ่งมีบัญชี ‘Team Messi’ ที่สร้างโดยสปอนเซอร์อย่าง Adidas สถิติชี้ว่าเพจ Facebook ของเมสซีได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดานักกีฬาทุกประเภท โดยมียอดไลก์ 90 ล้านไลก์ และเป็นผู้ชายที่มีผู้ติดตามมากที่สุดเป็นอันดับ 3 บน Instagram (186 ล้านคน) รองจากโรนัลโดและ ดเวย์น จอห์นสัน