The Mitchells vs. The Machines (2021) คือภาพยนตร์แอนิเมชันจาก Netflix ที่หลังจากเข้าฉายได้เพียงไม่กี่วัน (เข้าฉายวันที่ 30 เมษายน) ก็พุ่งทะยานสู่ 10 อันดับคอนเทนต์ยอดนิยมในไทย
ซึ่งหากใครที่ได้รับชมตัวอย่างมาก่อนแล้ว ก็น่าจะคุ้นหูคุ้นตากับงานแอนิเมชันเปี่ยมสีสันที่ผสมผสานระหว่างงานแอนิเมชัน 3D และ 2D สไตล์คอมิกกันอยู่บ้าง เพราะ The Mitchells vs. The Machines คือผลงานเรื่องล่าสุดของ ฟิล ลอร์ด และ คริส มิลเลอร์ สองโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมมาได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชันสุดฮาอย่าง The LEGO Movie (2014) โดยได้ ไมเคิล ริแอนดา ผู้กำกับหน้าใหม่ มารับหน้าที่กำกับและเขียนบทด้วยตัวเอง
The Mitchells vs. The Machines บอกเล่าเรื่องราวของสุดวายป่วงของครอบครัวมิตเชลล์ เมื่อลูกสาวคนโตของบ้านอย่าง เคที่ สอบติดโรงเรียนภาพยนตร์ในฝันและจำเป็นต้องย้ายเข้าไปใช้ชีวิตที่หอของโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่า ริค พ่อผู้รักธรรมชาติและไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยี กลับไม่เห็นด้วยในเส้นทางของเธอเท่าไรนัก จนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน ลินดา แม่ผู้เข้าใจทั้งสองฝ่ายจึงต้องช่วยกล่อมให้ทั้งคู่ใจเย็นลง จนกระทั่งวันเดินทางของเคที่มาถึง ริคได้จัดโรดทริปพาลินดา แอรอน น้องชายผู้บ้าไดโนเสาร์ และมอนชิ หมาปั๊กที่หน้าตาเหมือนหมู ไปส่งเคที่ที่โรงเรียนเพื่อกระชับความสัมพันธ์
แต่ดูเหมือนว่าโรดทริปในครั้งนี้จะวายป่วงยิ่งกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ เหล่าหุ่นยนต์ล้ำสมัยที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังได้เริ่มแผนการครอบครองโลกด้วยการส่งมนุษย์ทุกคนไปอวกาศ ครอบครัวมิตเชลล์ที่กลายเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายจึงต้อง (พยายาม) ร่วมมือกันเพื่อปกป้องโลกจากน้ำมือของหุ่นยนต์ล้ำยุคให้ได้
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชม The Mitchells vs. The Machines มาก่อน หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นหนังแอ็กชัน-คอมเมดี้ที่สูตรสำเร็จพอสมควร ทั้งวิธีการดำเนินเรื่องและการคลายปมปัญหา ผู้ชมจึงสามารถคาดเดาเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบได้ไม่ยากนัก
แต่ขณะเดียวกัน ด้วยความที่ผู้กำกับและทีมสร้างต่างรู้ตัวเป็นอย่างดีว่าพวกเขาอยากนำเสนออะไรให้แก่ผู้ชม The Mitchells vs. The Machines จึงโดดเด่นด้วยกลวิธีการนำเสนอที่มีเอกลักษณ์และเนื้อหาที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน พร้อมสอดแทรกประเด็นครอบครัวให้หัวใจของผู้ชมพองโต
เริ่มกันที่งานแอนิเมชันจากทีมผู้สร้าง Spider-Man: Into the Spider-Verse ที่ยังคงโดดเด่นด้วยเอฟเฟกต์สไตล์คอมิก โดยเฉพาะฉากแอ็กชันที่เรียกได้ว่าชุลมุนวุ่นวายตามคอนเซปต์ของครอบครัวมิตเชลล์จริงๆ รวมถึงการออกแบบคาแรกเตอร์ที่บ่งบอกลักษณะนิสัยของตัวละครได้ชัดเจน
และไฮไลต์สำคัญของเรื่องที่เราไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ มุกตลกสถานการณ์ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างตรงจังหวะ ไม่ทำให้เรารู้สึกยัดเยียดจนเกินไป ซึ่งในข้อนี้ต้องขอปรบมือให้กับผู้กำกับและทีมสร้างที่สามารถกระจายซีนเด่นๆ ให้ตัวละครภายในเรื่องอย่างครบถ้วน ไม่มีใครที่โดดเด่นเกินไปหรือมีบทบาทน้อยเกินไป จึงส่งผลให้ทุกตัวละครต่างมีบทบาทในการสร้างสีสันที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และสร้างภาพจำให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหนังจะโดดเด่นด้วยงานแอนิเมชันและจัดเต็มด้วยมุกตลกสถานการณ์ แต่ขณะเดียว The Mitchells vs. The Machines ก็ยังไม่ทิ้งหัวใจสำคัญของเรื่องที่ต้องการจะขับเน้นประเด็นความสัมพันธ์ครอบครัวที่ค่อนข้างทันยุคทันสมัย และสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้ชมได้ไม่ยาก เช่น การมาถึงของเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีส่วนให้ ‘ช่องว่าง’ ของความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อยๆ ขยายกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการเชิญชวนให้พ่อและแม่ลองหันหน้าเข้าหาลูกๆ เพื่อ ‘ทำความเข้าใจ’ ในสิ่งที่เราอาจมองข้ามไป
ในภาพรวมแล้ว The Mitchells vs. The Machines นับว่าเป็นแอนิเมชันคุณภาพอีกหนึ่งเรื่องที่เหมาะจะชวนคนในครอบครัวมานั่งชมร่วมกันในวันหยุด เราเชื่อว่าเรื่องราวสุดวายป่วงของครอบครัวมิตเชลล์ในครั้งนี้จะมาช่วยเติมเต็มเสียงหัวเราะ และสานสัมพันธ์ครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่ The Mitchells vs. The Machines